นิติกรรมสัญญา

ตามคำพิพากษาฎีกาที่๕๐/๒๕๖๖

ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมและให้ส่งสำเนาแก่จำเลยทราบเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา๒๐๐ที่บัญญัติให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์อันเป็นบทบังคับให้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งสำเนาอุทธรณ์จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นไม่ปฎิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการอุทธรณ์

คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ แม้ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรรืของโจทก์ร่วมให้จำเลยแก้และการส่งสำเนาอุทธรณ์มีบุคคลอายุไม่เกินยี่สิบปีรับไว้ หากจะย้อนสำนวนไปเพื่อให้ศาลชั้นต้นปฎิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา๒๐๐และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา๙๖วรรคแรกก็ล่วงเลยมาจนศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแล้ว ทั้งจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าไม่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมประกอบกับจำเลยได้คัดสำเนาเอกสารในสำนวนและตรวจเป็นเวลานานและจำเลยโต้แย้งกระบวนพิจารณาในชั้นส่งคำคู่ความที่อ้างว่าผิดหลงเกินกว่าแปดวันนับแต่ทราบพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นประกอบฎีกาของจำเลยขอให้ย้อนสำนวนเพื่อแก้ฎีกาและให้โอกาสจำเลยหาเงินและชำระหนี้ให้เเก่โจทก์ร่วม

ดังนี้ กรณีไม่ปรากฎเหตุที่อาจเสียความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๒๗ และะตามป.วิอาญามาตรา๑๕ ๒๑๕ ๒๒๕ ศาลฎีกาเห็นสมควร วินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยขอให้รอการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นมี คำสั่ง ใหม่

ทนายโตน

ใส่ความเห็น