แบบพินัยกรรม

คำพิพากษาฎีกาที่ 4044/2567 เกิดจากข้อพิพาทเรื่องสิทธิในการจัดการมรดกของนาย ว. ผู้ตาย ซึ่งมีบุตรสองคนคือนาย ฒ. (ผู้ร้อง) และนาง ม. (ผู้คัดค้าน) โดยนาย ฒ. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก โดยอ้างว่าไม่มีพินัยกรรม และศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งตั้งให้เขาเป็นผู้จัดการมรดก ต่อมานาง ม. ได้ยื่นคำร้องคัดค้าน โดยอ้างว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้ และผู้ร้องไม่ได้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ทำให้เธอได้รับความเสียหาย จึงขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกและขอให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกแทน รวมถึงขอกำจัดสิทธิรับมรดกของผู้ร้อง ประเด็นสำคัญอยู่ที่การพิจารณาว่าเอกสารพินัยกรรมที่ผู้คัดค้านยื่นนั้นใช้บังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ โดยเอกสารดังกล่าวแม้จะเป็นแบบพิมพ์สำเร็จรูปที่มีหัวข้อว่า “หนังสือพินัยกรรม” และเว้นช่องว่างให้กรอกข้อมูลต่าง ๆ แต่มีการเขียนด้วยลายมือของผู้ตายเองทั้งข้อความเกี่ยวกับสถานที่ วัน เดือน ปี ชื่อ ที่อยู่ รายการทรัพย์สิน และเจตนาการแบ่งทรัพย์ พร้อมลงลายมือชื่อของผู้ตายไว้ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นพินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับตามมาตรา 1657 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นไปตามเจตนาสุดท้ายของผู้ตาย และมีผลบังคับใช้ได้เมื่อถึงแก่ความตาย

ศาลฎีกาจึงเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่เห็นว่าเอกสารพินัยกรรมตกเป็นโมฆะนั้นไม่ถูกต้อง พินัยกรรมดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและสามารถใช้เป็นหลักในการแบ่งทรัพย์มรดกได้ อย่างไรก็ตาม ข้อที่ผู้คัดค้านฎีกาขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกและขอกำจัดสิทธิในการรับมรดกของผู้ร้องนั้น เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 5 จึงถือเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย แต่เนื่องจากพินัยกรรมไม่ได้ระบุผู้จัดการมรดกไว้ และทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างเป็นทายาทโดยธรรม ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งแก้คำพิพากษาให้ตั้งนาง ม. (ผู้คัดค้าน) เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับนาย ฒ. (ผู้ร้อง) และให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายร่วมกัน ทั้งนี้ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

คำพิพากษานี้เป็นกรณีตัวอย่างของการตีความข้อกฎหมายเกี่ยวกับพินัยกรรม โดยให้ความสำคัญกับเจตนาของผู้ตายเป็นหลัก และตีความอย่างเคร่งครัดตามบทบัญญัติของกฎหมายแพ่งเกี่ยวกับรูปแบบของพินัยกรรม และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดำเนินกระบวนการในศาลอย่างครบถ้วนในแต่ละชั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในชั้นฎีกา ทั้งยังเน้นถึงหลักการว่าเมื่อผู้ตายไม่ได้กำหนดผู้จัดการมรดกไว้ ศาลสามารถแต่งตั้งผู้จัดการมรดกร่วมได้จากทายาทที่ไม่มีลักษณะต้องห้าม เพื่อให้สามารถจัดการมรดกร่วมกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และเป็นธรรมแก่ทายาททุกฝ่าย #ทนายโตน #0945241915

ใส่ความเห็น